วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ประสบการณ์รถพัง เยิน และการเช็ครถง่ายๆ ในแบบผู้หญิงๆ





เกิดเป็นผู้หญิงสมัยนี้แสนยุ่งยากยิ่งนัก ต้องเก่งทั้งการบ้าน การเรือน รวมถึงเรื่องใต้กระโปรงก็ต้องเริ่ดด้วย แหน่ะๆ อย่าคิดไปไกล ทิชชี่หมายถึง เรื่องใต้กระโปรงรถ

ทิชชี่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยใส่ใจดูแลรถเลย ตะบี้ตะบันขับเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางไปวันๆ รู้แค่ต้องเติมน้ำมัน เติมแก๊ส เท่านั้นจริงๆ เรื่องอื่นทิชชี่ให้พ่อเป็นคนจัดการดูแลตรวจเช็คให้ทั้งสิ้น (รถยนต์ที่ทิชชี่ใช้ขับเคลื่อนคือ Toyota รุ่น Altis ติดแก๊สได้ประมาณ 5 ปี ใช้มาประมาณ 10 ปีแล้วด้วย

ซึ่งต่อจากนี้คือเรื่องจริงจากการใช้รถยนต์ของทิชชี่ เป็นเรื่องโหดร้ายที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ในเวลาที่ไม่ไกลกันนัก

เหตุการณ์แรกเกิดขึ้น ในช่วงน้ำท่วม อย่างที่รู้ๆ ว่าถนนป็นหลุมเป็นบ่อไปทั่ว คืนวันนั้นทิชชี่ขับรถด้วยความเร็วปกติ (60-80กิโลเมตรต่อชั่วโมง) อยู่ๆ เสียงก็ดังปั้งขึ้นประหนึ่งโดนยิงมาที่กลางหัวใจ เสียงกรีดร้องของแม่ พ่อ และทิชชี่ที่อยู่บนรถดังขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย พร้อมกับการผ่อนเบาของการเหยียบคันเร่ง ทิชชี่รู้ทันทีว่างานเข้าแล้วไง ยางระเบิดค่ะคุณ ทิชชี่ฝืนใจขับรถฝืดๆ ยางแบนแต๊ดแต๋ ที่ทรงตัวแทบไม่อยู่ ไปจนถึงร้านปะยาง เมื่อถึงมือช่างก็เปลี่ยนยางจนเสร็จ ใช้เวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมง ก็ขับกลับบ้านปกติอย่างปลอดภัยครับ

เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ทิชชี่รู้ว่า การขับรถไม่ควรประมาทสักวินาทีเดียว ไม่เช่นนั้นอาจไม่มีโอกาสได้ขับอีกต่อไปก็เป็นได้ ควรเช็คลมยางอยู่เสมอ ลมยางอ่อนหรือแข็งจนเกินไป มีผลต่อการทรงตัวของรถยนต์ และควรใช้ความดันลมยางตามที่ผู้ผลิตกำหนด สังเกตการสึกหรอของดอกยางด้วย ถ้าดอกสึกมาก ต้องเปลี่ยนยางจะเป็นการดีที่สุดครับ







เหตุการณ์ต่อมาคือ กลิ่นแก๊สพุ่งเข้ามาในตัวรถ จนทำให้เวียนหัว คลื่นไส้ แทบจะเป็นลม บอกเลยวันนั้นกลัวก็กลัว ในสมองจินตนาการไปกันใหญ่ กลัวแก๊สระเบิดตูมตามเหมือนในหนัง แต่ทิชชี่ก็ ฝืนใจขับรถกลับบ้านต่อ เพื่อไปส่งซ่อมที่ร้านประจำ แถวบ้าน เมื่อถึงร้านซ่อม ช่างบอกว่าท่อส่งแก๊สรั่ว ช่างจัดการซ่อมให้จนเจ้าแก๊สหายพ่นกลิ่นเหม็นๆ มากวนใจครับ

เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ทิชชี่รู้ว่า อันตรายเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ควรตรวจเช็คแก๊สสม่ำเสมอ ทุกๆ 3 เดือน เพราะการรั่ว หรือความเสียหายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา และควรตรวจรอยรั่วของน้ำมันต่างๆ ใต้ท้องรถ ซึ่งคุณสามารถก้มลงดูได้เองด้วยตาเปล่า หากพบรอยน้ำมันให้รีบส่งช่างด่วนค่ะ

เหตุการณ์สุดท้าย (แต่ไม่ท้ายที่สุด ด้วยความเป็นรถเก่า ปัญหาจึงถาโถม กระหน่ำเข้ามาเป็นระยะๆ อย่างไม่ยั้ง) วันดีคืนดี ขับๆ อยู่รถเกิดสั่น ประหนึ่งเจ้าเข้าค่ะ บางทีก็สั่นๆ ดับๆ เร่งคันเร่งไม่ขึ้น คล้ายอาการกระหายน้ำไปเสียเฉยๆ นานเข้า มีอาการเยอะขึ้น สั่นเหมือนแผ่นดินไหว 10 ริกเตอร์ ขับไปทิชชี่ก็กลัวไป จึงตัดสินใจพาไปส่งช่างซ่อมแต่โดยดี ช่างบอกว่ามีปัญหาจากตัว "คอยล์จุดระเบิด" ตอนแรกใจหายวาบ เพราะตกใจ คำว่าระเบิดๆ แต่ช่างให้คำตอบว่าไม่เป็นอันตรายใดๆ นัก แค่เปลี่ยน "คอยล์จุดระเบิด" ตัวใหม่ ก็เป็นปกติ วิ่งฉิวเหมือนเดิมแล้ว ครับ

เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ทิชชี่รู้ว่าขับรถอย่างนิ่งดูดาย หากเกิดปัญหา อย่าทิ้งไว้นาน เพราะรถของคุณอาจพินาศเพิ่มยิ่งขึ้นกว่าเดิมครับ





วันนี้ทิชชี่รู้แล้วว่า การดูแลรถยนต์เป็นเรื่องสำคัญมากๆ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ขับรถตัวคนเดียวอย่างเรา ทิชชี่จึงมีวิธีเช็ครถง่ายๆ เบื้องต้นในแบบผู้หญิงๆ มาแนะกันครับ

การดูแลน้ำระบายความร้อน ตรวจเช็คง่ายๆ เปิดกระโปรงรถขึ้น แล้วเปิดฝาหม้อน้ำออก ถ้าพบว่าน้ำพร่องลงไปจนเหลือน้อย ก็ใช้น้ำสะอาดเติมลงไปให้เต็ม ระวังอย่าเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เพิ่งใช้รถมาใหม่ๆ เพราะไอน้ำจะมีความร้อนสูงมาก ทำให้เกิดอันตรายได้



เช็คระดับน้ำมันเครื่อง โดยอุ่นเครื่องยนต์ให้อุณหภูมิทำงาน แล้วดับเครื่อง จากนั้นเช็คระดับจากก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออก เช็ดคราบน้ำมัน ด้วยผ้าที่สะอาด แล้วเสียบก้านวัดกลับที่เดิม จากนั้นดึงก้านวัดออกมาอีกครั้ง ตรวจสอบคราบน้ำมันเครื่องที่ปลายก้านวัด ถ้าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างตัวอักษร "F" (Full) กับ "L" (Low) แสดงว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ ถ้าระดับต่ำกว่า "L" ก็เติมน้ำมันเครื่องเพิ่ม แต่อย่าเติมให้เกินตัว "F" เพราะการเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไป อาจทำให้รถยนต์ของคุณพังกว่าเดิมครับ

เช็คระดับน้ำมันเบรก สามารถตรวจได้ด้วยตาเปล่า หมั่นดูที่กระปุกน้ำมันเบรกจะมีคำว่า MAX และ MIN อยู่ ระดับน้ำมันเบรกควรอยู่ที่ MAX เสมอ ถ้าระดับต่ำกว่านี้ให้เติมน้ำมันเบรกเพิ่ม หรือนำเข้าอู่ เข้าศูนย์บริการเลยครับ

หมั่นเช็ค ดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้นด้วยตัวเองอยู่สม่ำเสมอ อย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เพื่อยืดระยะการใช้งานเพิ่มขึ้น "รถยนต์" ถือเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันของคนบางคนเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นอย่าปล่อยให้รถคู่ใจของคุณ กลายเป็นเศษเหล็กที่ไร้ค่าไปแบบไม่รู้ตัวนครับสาวๆ


รถมือสองมากมาย ให้เลือก ที่  www.ubonauto.com

"นึกถึงรถ  นึกถึงเรา"

ท่านสามารถเลือกดูและติดตามข่าวสารได้กับอุบลออโต้ .ได้ที่ http://www.ubonauto.com/ คลิ๊กที่นี่

และสามารถติดตามเฟสบุ๊ก ได้ที่
อุบลออโต้คลับ https://www.facebook.com/UbonAuto?ref=hl
พบ รถมือสอง คุณภาพเยี่ยมที่อุบลออโต้ 

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์รถยนต์มือสอง

ขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์รถยนต์มือสอง ง่ายนิดเดียว




การจัดไฟแนนซ์รถยนต์มือสอง บางท่านอาจไม่เข้าใจและไม่เคยการจัดไฟแนนซ์รถมือสอง ง่ายๆคือการซื้อขายรถยนต์ โดยผู้ซื้ออาจมีเงินดาวน์บ้างบางส่วนให้แก่ผู้ขายรถยนต์ แล้วส่วนที่เหลือผู้ซื้อรถทำเรื่องกู้?กับบริษัทจัดไฟแนนซ์รถยนต์ โดยนัดผ่อนชำระเป็นงวดๆพร้อมดอกเบี้ยให้แก่บริษัทจัดไฟแนนซ์?แล้วเราก็ผ่อนกับบริษัทนี้แหละจนกว่าจะผ่อนครบตามสัญญาที่คุยกันไว้ แล้วกรรมสิทธิ์จึงจะตกเป็นของผู้ซื้อ

ง่ายๆคือ มีเงินดาวน์รถแต่เงินไม่พอดาวน์รถยนต์ เลยทำเรื่องเอารถเข้าไฟแนนซ์ซะเลยแล้วค่อยผ่อนกับบริษัทที่เราทำไฟแนนซ์ ผ่อนหมดเมื่อไรนั่นแหละรถถึงจะเป็นของเรา ถ้าผ่อนไม่หมดล่ะจะเป็นยังไงล่ะที่นี้ ก็ตัวใครตัวมัน อิอิ

ท่านสามารถจัดไฟแนนซ์รถยนต์ของท่านได้ในกรณีใดบ้าง ก็มีหลายกรณีเหมือนกันอาทิเช่น รถที่ซื้อมานั้นท่านได้ซื้อมาจากจากเต้นท์รถยนต์มือสองหรืออาจจะเป็นรถซื้อขายกันเองระหว่างญาติ พี่น้อง ผองเพื่อน มิตรสหายของคุณ หรือเป็นรถที่คุณเองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อยู่แล้วต้องการนำมากู้

กล่าวคือที่เขาว่ารถแลกเงินนั่นแหละ หรือหากว่าท่านต้องการนำเงินไปลงทุนธุรกิจของท่านเป็นต้น (รีไฟแนนซ์รถยนต์) อีกกรณีคือรถที่ผ่อนอยู่กับไฟแนนซ์เจ้าอื่นๆอยู่ แต่ยังคงผ่อนไม่ครบตามกำหนดสัญญา หากท่านต้อง การย้ายไฟแนนซ์เพื่อยืดระยะเวลาให้ผ่อนน้อยลง และท่านจะยังมีเงินเหลือเพื่อใช้จ่ายหรือนำมาหมุนเพิ่มสภาพคล่องได้

รถประเภทใดที่จัดไฟแนนซ์ได้ เป็นคำถามที่หลายท่านถามมา ก็ใช่ว่ามีรถแล้วจะกู้ได้ตามสบายมันก็ต้องมีเงื่อนไขกันหน่อย มาดูกันเลยว่ารถแบบไหนประเภทใดที่จัดไฟแนนซ์ได้บ้าง เช่น
รถเก๋ง ส่วนบุคคล ที่จดทะเบียนตั้งแต่ปี 1999 จนถึง ปัจจุบัน
รถกระบะ ส่วนบุคคล ที่จดทะเบียนตั้งแต่ปี 1999 จนถึง ปัจจุบัน?
รถตู้ ส่วนบุคคล ที่จดทะเบียนตั้งแต่ปี 1999 จนถึง ปัจจุบัน

มีอีกกรณีในส่วนนี้ บางบริษัทก็สงวนสิทธิในการจัดไฟแนนซ์หรือไม่จัดไฟแนนซ์ ให้กับรถบางรุ่นบางยี่ห้อแล้วแต่บางบริษัท แล้วรถที่นำไปติดแก๊ซ อยากจัดไฟแนนซ์นั้นสามารถทำได้หรือไม่นนั้นก็ไม่มีปัญหาขอแค่มีใบรับรองผลการตรวจสภาพและลงรายการในเล่มครบก็สามารถที่จะจัดไฟแนนซ์ได้สบายมากถ้าทำตามเงื่อนไข

ส่วนการคำนวณค่างวดไฟแนนซ์และเช่าซื้อ ตัวอย่างเช่น หากราคารถอยู่ที่ 300,000 บาท ผู้ซื้อมีเงินดาวน์ 20% คือ 60,000 บาท ที่เหลือกู้ไฟแนนซ์ 240,000 บาท
ดอกเบี้ย 5 % ต่อปี
?จำนวน 48 เดือน
ค่างวดก่อนภาษีมูลค่าเพิ่มจะเท่ากับ ((240,000 X 5% X 4) + 240,000) / 48
ซึ่งจะเท่ากับ 6,000 บาท
รวมภาษี 7% 420 บาท
เป็นค่างวด 6,420 บาท

ขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์รถยนต์ ขอสินเชื่อ เช่าซื้อรถยนต์ ต้องทำยังไงบ้าง อย่าไปคิดมากเรื่องต้องมีอะไรบ้างขอแค่ท่านเป็นเจ้าของรถมีกรรมสิทธิ์ครอบครองรถ ก็แค่ท่านแจ้งยี่ห้อรถของท่าน รุ่น ปี รถที่ต้องการซื้อ(กรณีซื้อรถ)หากต้องการนำมากู้ก็สำเนาเล่มทะเบียนส่งหรือมาที่บริษัทรับจัดไฟแนนซ์

แล้วเจ้าหน้าที่พนักงานสินเชื่อ ประเมินยอดจัดให้ไฟแนนซ์ให้(ง่ายๆคือตีราคารถ )ซึ่งโดยปรกติประมาณ 70-80% ของราคาซื้อขาย ถ้าลูกค้าตกลงที่จะจัดไฟแนนซ์รถมือสอง
คนกู้ก็ต้องต้องเตรียมเอกสารของตนเองและก็หาผู้ค้ำประกันเพื่อทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ที่ท่านต้องการง่ายๆ

การนัดเซ็นต์สัญญา และการส่งมอบเอกสาร ซึ่งลูกค้าสามารถเข้ามาทำสัญญาที่บริษัทหรือจะให้พนักงานไปเซ็นต์นอกสถานที่ได้(บางบริษัท) หากไม่สะดวกในการเดินทางมาที่บริษัทซึ่งเจ้าหน้าที่สินเชื่อจะขอถ่ายรูปรถ และลอกลายเลขเครื่อง เลขถัง เพื่อประกอบการทำสัญญาด้วย เจ้าหน้าที่สินเชื่อจะแจ้งผลการอนุมัติ เพื่อขอเล่มทะเบียนตัวจริงไปโอนที่ขนส่ง เมือโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เป็นของบริษัทแล้วบริษัทจะจ่ายเช็คให้ผู้ขายรถทันที

มีหลายท่านสงสัยว่าถ้าถูกหวยรวยเบอร์ มีเงินก้อนมาโป้ะหรือปิดบัญชีก่อนกำหนดจะมีส่วนลดหรือเปล่า คำตอบก็คงจะเป็นคำตอบที่เพราะพริ้งมากๆคือมีส่วนลดแน่นอน หากลูกค้าประสงค์จะปิดสัญญาเช่าซื้อ ก่อนกำหนดจะมีส่วนลดดอกเบี้ยให้ 50% ของค่างวดที่เหลือตามที่สำนักคุ้มครองผู้บริโภคว่าไว้ เช่น ผ่อนมาแล้ว 40 งวด จาก 60 งวด ลูกค้าจะได้ส่วนลดดอกเบี้ย 50% ของ 20 งวดที่คงเหลือ ลดชัวร์แน่นอน


รถมือสองมากมาย ให้เลือก ที่  www.ubonauto.com

"นึกถึงรถ  นึกถึงเรา"

ท่านสามารถเลือกดูและติดตามข่าวสารได้กับอุบลออโต้ .ได้ที่ http://www.ubonauto.com/ คลิ๊กที่นี่

และสามารถติดตามเฟสบุ๊ก ได้ที่
อุบลออโต้คลับ https://www.facebook.com/UbonAuto?ref=hl
พบ รถมือสอง คุณภาพเยี่ยมที่อุบลออโต้ 

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อีก 6-8 ปีข้างหน้าหากก๊าซฯในอ่าวไทยหมด อนาคต LPG จะมาจากไหน?



เราไม่อาจปฏิเสธว่า ก๊าซหุงต้มหรือ LPGเป็นสินค้ามีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคนทั้งประเทศ แต่ปัญหาที่คนไทยต้องเผชิญในอีก 6-8 ปีข้างหน้า จะพบว่า แหล่งผลิตก๊าซหุ้งต้มในประเทศ ที่ได้จากอ่าวไทยกำลังจะหมดไป เราต้องหันไปนำเข้าเกือบ 100%


สิ่งที่คนไทยหันมาตระหนัก คงต้องเน้นการใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและราคาต้องสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งเป็นเพียงหนทางเดียวที่ไทยจะยังคงมีความมั่นคง ที่มีLPGใช้ในระยะยาวต่อไป การแก้ไขปัญหาจึงต้องครบวงจร มีการบริหารความต้องการใช้อย่างบูรณาการ ทั้งด้านอุปสงค์ หรือการใช้LPGให้ถูกต้อง ที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาในอนาคต และมองการจูงใจให้เกิดการจัดหา LPG เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

เมื่อพิจารณาในแง่ของการใช้ปัจจุบันแยกเป็น LPG ภาคครัวเรือนซึ่งมีการใช้มากสุดรองลงมาเป็นภาคปิโตรเคมี ภาคขนส่งและ ภาคอุตสาหกรรม ตามลำดับ ซึ่งที่ผ่านมารัฐใช้นโยบายควบคุมราคาให้ต่ำกว่าต้นทุนหน้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ทั้งในส่วนของ LPG ครัวเรือนและภาคขนส่ง ขณะที่การนำเข้าLPGจากต่างประเทศที่มีราคาแพง แต่ราคาที่ต่ำรัฐได้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมันมาอุดหนุนส่วนต่างราคา โดยขณะนี้ราคาLPGครัวเรือนอยู่ที่ 22.63 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) LPG ขนส่งอยู่ที่ 22 บาทต่อกก.(มีผลตั้งแต่ 1ต.ค.57) แต่ต้นทุนราคาหน้าโรงแยกก๊าซฯอยู่ที่ 24.82 บาทต่อกก.(ราคาที่ถูกตรึงไว้หน้าโรงแยกก๊าซที่ 333 เหรียญต่อตัน) ขณะที่ต้นทุนการจัดหาอยู่ที่ประมาณ 27.85 บาทต่อกก.ดังนั้นหากจะให้สะท้อนกลไกตลาดก็ควรจะสะท้อนไปที่ต้นทุนการจัดหา





อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องพิจารณาคือราคา LPG ขนส่งนั้นต่ำกว่าครัวเรือนแนวทางราคาจึงควรจะเท่ากันโดยเฉพาะขนส่งนั้นเป็นภาคที่มีอัตราการขยายตัวมากที่สุด ซึ่งเป็นผลมาจากราคาขายปลีกต่ำกว่าน้ำมันเบนซินมาก โดยราคา LPG ภาคขนส่งที่ 21.38 บ./กก. ในปัจจุบัน เทียบเท่า 11.55 บ./ลิตร (ในขณะที่ราคาขายจริงในสถานีบริการ LPG จะสูงกว่าที่ 12 – 14 บ./ลิตร เนื่องจากไม่มีการควบคุมค่าการตลาดของผู้ค้า ซึ่งค่าการตลาดที่ผู้ค้าได้จริงจะมากกว่า 3 บ./ลิตร หรือกว่า 6 บ./กก.) ราคาเมื่อเทียบค่าความร้อนที่เท่ากับน้ำมันเบนซินจะประมาณ 15 บ./ลิตร ซึ่งต่ำกว่า E10 ที่ประมาณ 38 บ./ลิตรอยู่มาก ดังนั้นการใช้ LPG ที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นอุปสรรคต่อนโยบายการส่งเสริมการใช้เอทานอลที่ผลิตได้ในประเทศ ในขณะที่การจัดหา LPG รองรับการใช้เพิ่มขึ้นในภาคขนส่งต้องมาจากการนำเข้า (หากไม่มีการกระตุ้นการจัดหาในประเทศมากขึ้น)

การใช้ LPG ในครัวเรือนเพื่อใช้ในก๊าซหุงต้มมีความจำเป็นต่อชีวิตความเป็นอยู่และมีผลกระทบต่อค่าครองชีพสำหรับผู้มีรายได้น้อยแต่เป็นภาคที่มีการใช้มากที่สุดถึง 2.4 ล้านตัน/ปี การใช้กลไกการควบคุมราคาให้ต่ำเพื่อชดเชยค่าครองชีพจะต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่การอุดหนุนทั้งระบบก็พบว่ากลับมีการช่วยคน ที่ไม่ได้จนจริงและอีกส่วนทำให้เกิดการลักลอบไปยังประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดนและกองทุนน้ำมันฯที่ชดเชยราคาที่ต่ำที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมันฯกลายเป็นว่าเราไปช่วยเพื่อนบ้านด้วยไม่ใช่แค่คนไทยกันเอง





ดังนั้นการใช้กลไกการช่วยเหลือโดยตรงกับผู้มีรายได้น้อยหลายรัฐบาลพยายามหามาตราการช่วยเหลือเพื่อลดผลกระทบให้กับผู้มีรายได้น้อย พร้อมๆไปกับทยอยปรับราคาเพื่อให้ราคาสะท้อนต้นที่แท้จริง เห็นได้รัฐบาลสมัยปี 2556 มีการทยอยปรับราคา จากราคา 18.13 บ./กก. เป็น 24.82 บ./กก. ทำให้การใช้ในปี 2556 ปรับลดลง 2.409 ล้านตัน/ปี หรือลดลง 20% จากปี 2555 ที่มีการใช้อยู่ที่ 3.047 ล้านตัน/ปี

อย่างไรก็ตามมีคนเปรียบเทียบว่ารัฐบาลอเมริกายังส่งเสริมให้ใช้ LPG ในภาคขนส่งได้แต่นั่นก็เพราะความโชคดีที่สหรัฐอเมริกามีการค้นพบแหล่งก๊าซขนาดใหญ่ (Shale gas) และนำมาแยกโพรเพนใช้ในบ้านและรถยนต์ จากเดิมที่ต้องนำเข้าโพรเพน วันนี้อเมริกาส่งออกโพรเพนจำนวนมาก ดังนั้นการส่งเสริมใช้ LPG ในภาคขนส่งจึงมีส่วนช่วยพัฒนาการจัดหา shale gas และสร้างโรงแยกก๊าซฯ เพิ่มขึ้น เป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในประเทศ แต่ราคาขาย LPG ในภาคขนส่งในอเมริกาไม่มีการควบคุมหรืออุดหนุนราคา โดยอยู่ที่ 42.5 บ./กก. ซึ่งสูงกว่าประเทศไทยมาก





ขณะที่ประเทศไทยอดีตการค้นพบก๊าซในอ่าวไทย ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นก๊าซเปียกที่สามารถนำมาแยกเพื่อป้อนอุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้รัฐบาลสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จึงมีแนวคิดสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติเพื่อเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่จ.ระยองภายใต้แผนพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก (อีสเทิร์นซีบอร์ด) ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจนถึงปัจจุบัน แต่การจัดหาจากอดีตที่พอใช้เวลานี้ LPG ต้องนำเข้ามาเสริมกับความต้องการเพิ่มขึ้นจากปี 2551 ถึงขณะนี้นำเข้ามากกว่า 10 ล้านตันขณะที่อนาคตก๊าซฯในอ่าวไทยที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติประเมินหากไม่มีการจัดหาเพิ่มจะทยอยหมดใน 6-8 ปีข้างหน้า

การที่มีเสียงเรียกร้องบางส่วนให้รัฐบาลเรียกกลับเอา LPG มาใช้เป็นเชื้อเพลิงหรือจัดสรรให้กับประชาชนเป็นหลักไม่ให้ปิโตรเคมีคงต้องพิจารณาถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ในขณะที่ไทยยังคงมีนโยบายส่งเสริมให้มีการลงทุนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอยู่ นอกจากนี้สัญญาซื้อขาย LPG เป็นวัตถุดิบของโรงงานโอเลฟินส์ Gas-based ล้วนเป็นสัญญาซื้อขายระยะยาวกับบริษัทเอกชนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ การแทรกแซงสัญญาระยะยาวที่มีอยู่เดิม อาจส่งผลต่อเนื่องถึงตลาดทุนและความเชื่อถือของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยอีกด้วย





ดังนั้นการสร้างความมั่นคงในการจัดหา LPGนอกจากที่จะพิจารณาการลอยตัวราคาขายของผู้ผลิตให้สะท้อนต้นทุนหรือตลาดโลกแล้ว เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการผลิต LPG ในประเทศ คงต้องพิจารณาว่าในอนาคตเมื่อก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเริ่มลดลง การผลิต LPG จากโรงแยกก๊าซฯจะลดลงตาม เราจะหา LPG ในระยะยาวจากไหน ซึ่งในปัจจุบันเรานำเข้า LPG จากตะวันออกกลาง แต่ในอนาคตเมื่อ shale gas ในอเมริกา ก็จะมีการส่งออกโพรเพนมากขึ้นจากอเมริกา ดังนั้นการนำเข้าโพรเพนจากอเมริกาก็จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก แต่หมายถึงจะต้องมีการศึกษาการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานด้านถังเก็บผลิตภัณฑ์และท่าเทียบเรือรองรับ รวมทั้งการหาพันธมิตรในภูมิภาคเพื่อให้เกิดความประหยัดจากขนาด (Economy of Scale) เพื่อช่วยลดต้นทุนนำเข้า

การบริหารความต้องการใช้และการสร้างความมั่นคงทางการจัดหาจะไม่สามารถบรรลุผล หากไม่มีการทบทวนการควบคุมราคา LPG โดยกระแสโลกปัจจุบันจะมุ่งสู่การลอยตัวราคาพลังงาน เพราะนอกจากจะช่วยให้การใช้มีประสิทธิภาพ เพิ่มการจัดหา ยังช่วยให้ลดภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่งจากการประหยัดการใช้ และยังเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ใช้เชื้อเพลิงภาคอื่น ที่ปัจจุบันกองทุนเรียกเก็บเพื่อนำมาอุดหนุนราคา LPG พร้อมกับช่วยส่งเสริมการใช้เอทานอลซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกที่ผลิตได้เองในประเทศอีกด้วย



รถมือสองมากมาย ให้เลือก ที่  www.ubonauto.com

"นึกถึงรถ  นึกถึงเรา"

ท่านสามารถเลือกดูและติดตามข่าวสารได้กับอุบลออโต้ .ได้ที่ http://www.ubonauto.com/ คลิ๊กที่นี่

และสามารถติดตามเฟสบุ๊ก ได้ที่
อุบลออโต้คลับ https://www.facebook.com/UbonAuto?ref=hl
พบ รถมือสอง คุณภาพเยี่ยมที่อุบลออโต้ 

วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สีรถที่ถูกต้อง ตามระเบียบการของกรมขนส่งทางบก


สีรถที่ถูกต้อง ตามระเบียบการของกรมขนส่งทางบก


พลังของโซเชี่ยลทำงานอีกแล้วครับ เมื่อมีผู้ใช้ Facebook ท่านหนึ่ง ส่งรูปภาพรถยนต์ Toyota ที่ทำสีโครเมี่ยมเกิน 50% ของตัวรถ เข้าไปที่เพจของ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02 วันนี้ผมจึงอยากแถลงการณ์ถึง สีรถที่ถูกต้อง ตามระเบียบการของกรมขนส่งทางบก พ่วงไปด้วยเลยครับ






ก่อนอื่นเริ่มจากจากเรื่อง รถสีโครเมี่ยม ก่อนครับ

ทันทีที่เพจ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02 ได้รับรูปภาพดังกล่าวมา ก็ได้มีการแชร์ภาพรถ Toyota สีโครเมี่ยมออกมาทันทีครับ พร้อมข้อความว่า “ตรวจสอบจัดการครับ” หลังจากนั้นก็ทันทีอีกเช่นกันครับ มีประชาชนจำนวนมากเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ บ้างก็ว่า สีดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก บ้างก็ว่ามันสวยดี บ้างก็ว่าดาราขับกันเยอะแยะ (อันนี้แอดมินเคยเห็นนะ แต่ขอไม่เอ่ยชื่อครับ) บ้างก็ถามกับทางเจ้าหน้าที่เลยครับว่า จะไปจับเรื่องอะไร ก็เรียกได้ว่าถกเถียงกันหนักพอสมควร ผลจพออกมาอย่างไร รอติดตามกันละกันนะครับ เดี๋ยวแอดมินจะรายงานให้ทราบ


รถคันดังกล่าวที่เป็นประเด็น
ดังนั้น สีรถที่ถูกต้อง ตามระเบียบมีอะไรบ้างล่ะ

ต้องขออภัยที่ออกนอกประเด็นไปนานเลยครับ สีรถที่ถูกต้อง นั้น ตามระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการกำหนดสีและลักษณะของรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2549 มาตรา 13 ข้อ 5 บอกไว้ว่า การกำหนดสีของรถให้เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถกำหนดสีที่เป็นสีหลัก โดยไม่คำนึงถึงความเข้มของสีที่แตกต่างกัน ตามตัวอย่างที่กำหนดในภาคผนวก ก ซึ่งในภาคผนวก ก นั้นมีรายละเอียดดังนี้



สีแดง หมายความถึง สีแดงเลือดหมู สีแดงเลือดนก สีแดงบานเย็น สีแดงทับทิม



สีน้ำเงิน หมายความถึง สีน้ำเงินเข้ม สีคราม สีกรมท่า



สีเหลือง หมายความถึง สีเหลืองอ่อน สีเหลืองทอง สีครีมออกเหลือง



สีขาว หมายความถึง สีขาวงาช้าง สีครีมออกขาว



สีดำ หมายความถึง สีดำออกเทา



สีม่วง หมายความถึง สีม่วงอ่อน สีม่วงเข้ม สีม่วงเปลือกมังคุด



สีเขียว หมายความถึง สีเขียวใบไม้ สีเขียวอ่อน สีเขียวเข้ม สีเขียวขี้ม้า



สีส้ม หมายความถึง สีแสด สีอิฐ สีปูนแห้ง



สีน้ำตาล หมายความถึง สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลไหม้ สีน้ำตาลเข้ม สีแชล็ค



สีชมพู หมายความถึง สีชมพูอ่อน สีชมพูเข้ม



สีฟ้า หมายความถึง สีฟ้าอ่อน สีฟ้าเข้ม



สีเทา หมายถึง สีเทาอ่อน สีเทาออกดำ สีบรอนซ์เงิน สีตะกั่วตัด

ดังนั้นเท่าที่แอดมินดูก็ยังไม่เห็นสีโครเมี่ยมอยู่ในข้อไหนนะครับ แต่ทั้งนี้ต้องดูหลายๆประการประกอบกันไปครับ เช่น ถ้าไม่ตรงตามระเบียบแล้ว ขนส่งให้แจ้งจดมาได้อย่างไร หรือว่าเจ้าของรถไม่ได้แจ้งเปลี่ยนสีรถ หรือความจริงแล้วสีดังกล่าวไม่ผิดกฎหมาย คงต้องติดตามกันต่อไปครับ

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

ขนส่งเตือน รถขาดต่อภาษีเกิน 3 ปี ระงับทะเบียนทันที



ขนส่งเตือน รถขาดต่อภาษีเกิน 3 ปี ระงับทะเบียนทันที


25 กันยายน นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากสถิติจำนวนรถ ที่จดทะเบียนสะสม ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2557 จำนวนทั้งสิ้น 35,560,860 คัน

เป็นรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ จำนวน 34,424,267 คัน เป็นรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก จำนวน 1,136,593 คันนั้น ในจำนวนนี้ เป็นรถที่ชำระภาษีประจำปีตามกำหนดประมาณร้อยละ 70 และเป็นรถที่ไม่ชำระภาษีประจำปีตามกำหนด จนต้องชำระค่าปรับตามกฎหมาย ประมาณร้อยละ 30 หรือ จำนวน 10,683,629 คัน

ส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ จำนวน 8,569,018 คัน รองลงมาเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน จำนวน 938,097 คัน และรถบรรทุกส่วนบุคคล จำนวน 842,618 คัน ทั้งนี้ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเจ้าของรถไม่ชำระภาษีประจำปีตามกำหนดแล้วหยุดใช้รถ หรือไม่ดำเนินการแจ้งไม่ใช้รถตามระเบียบ

ส่งผลให้เจ้าของรถยังคงมีภาระค้างชำระภาษีและค่าปรับ และเมื่อไม่ชำระภาษีรถเกิน 3 ปี ทะเบียนจะถูกระงับทันที ดังนั้นหากเจ้าของรถรายใดมีความจำเป็นต้องหยุดใช้รถ ให้ติดต่อแจ้งการไม่ใช้รถ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งสะดวกและรวดเร็ว โดยใช้หลักฐานคู่มือจดทะเบียนรถ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน แผ่นป้ายทะเบียนรถ และ แบบคำขอแจ้งการไม่ใช้รถ

เมื่อเจ้าของรถมีความประสงค์ขอใช้รถต่อก็สามารถดำเนินการแจ้งใช้รถดังกล่าวได้ โดยใช้หลักฐานคู่มือจดทะเบียนรถ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน แผ่นป้ายทะเบียนรถ แบบคำขอแจ้งใช้รถที่แจ้งไม่ใช้รถไว้ และหลักฐาน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

สำหรับช่องทางชำระภาษีรถประจำปีเดี๋ยวนี้สะดวกมาขึ้นเพราะมีบริการในห้างสรรพสินค้า ณ ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี 13 สาขา, ห้างเซ็นทรัลรามอินทรา, ศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค ในวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.

การรับชำระภาษีรถผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ที่เว็บไซต์ www.dlte-serv.in.th, ชำระภาษีรถผ่าน ตรอ., ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส เซเว่น-อีเลฟเว่น กว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ และล่าสุดชำระภาษีบนมือถือทุกเครือข่าย AIS, TRUE และ DTAC

ซึ่งเจ้าของรถตาม พ.ร.บ.รถยนต์ และ พ.ร.บ.การขนส่งทางบกสามารถชำระภาษีรถได้ล่วงหน้า 3 เดือน ก่อนอายุภาษีสิ้นสุด ทั้งนี้หากต้องสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่ Call Center 1584 ครับ

รถมือสองมากมาย ให้เลือก ที่  www.ubonauto.com

"นึกถึงรถ  นึกถึงเรา"

ท่านสามารถเลือกดูและติดตามข่าวสารได้กับอุบลออโต้ .ได้ที่ http://www.ubonauto.com/ คลิ๊กที่นี่

และสามารถติดตามเฟสบุ๊ก ได้ที่
อุบลออโต้คลับ https://www.facebook.com/UbonAuto?ref=hl
พบ รถมือสอง คุณภาพเยี่ยมที่อุบลออโต้ 

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

จากคลิปดัง ขับรถไม่สุภาพโปรดแจ้ง !!!!!



มาอีกแล้วครับเพื่อนๆ พวกขับรถปาดหน้า อันที่จริงผมเลิกพูดถึงประเด็นพวกนี้ไปพักนึงแล้วครับ แต่ที่หยิบคลิปนี้ขึ้นมาเขียนก็เพราะว่า มันมีประเด็น ขับรถไม่สุภาพโปรดแจ้ง ติดอยู่ที่ท้ายรถอยู่นั่นเองครับ ดังนั้นเรามาดูกันครับว่า เมื่อพบพนักงานขับรถไม่สุภาพ แล้วโทรไปแจ้งจะเป็นยังไง




มีการปาดหน้าให้เห็น 2 – 3 ครั้ง
เหตุการณ์ในคลิป ขับรถไม่สุภาพโปรดแจ้ง

คลิปขับรถไม่สุภาพโปรดแจ้งนี้ ได้เผยให้เห็น รถส่งของคันหนึ่ง ยี่ห้อทาทา หมายเลขทะเบียน ตช 5599 ได้ขับรถปาดหน้ารถของคู่กรณีอยู่ 2 – 3 ครั้ง เดชะบุญมีข้อความอยู่ท้ายรถว่า ขับรถไม่สุภาพโปรดแจ้ง เจ้าของคลิปจึงตัดสินใจโทรไปที่บริษัทดังกล่าว เพื่อทำการพูดคุย และชี้แจงว่าได้ทำการถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ จากนั้นรถคันดังกล่าวชะลอความเร็วลงอย่างเห็นได้ชัด และได้เปิดกระจกออกมาทำกริยาอะไรซักอย่างหนึ่ง จากนั้นเมื่อรถของเจ้าของคลิปกำลังจะเคลื่อนผ่านไป ก็มีเสียงดังคล้ายวัตถุมากระทบ และรถทาทาคันนั้น ก็ขับแซงออกไป ซึ่งเบื้องต้นเจ้าของคลิปบอกว่าเป็นการปาขวดเค้ามาใส่ครับ






ช่วงที่บอกว่ามีการเปิดกระจกแสดงกริยาอะไรซักอย่าง

คลิปนี้ถูกโพสต์โดยผู้ใช้ Facebook ชื่อ สุรเดช เมฆอากาศ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ที่ทำการถ่ายคลิปดังกล่าวมา โดยได้เขียนข้อความไว้ด้วยว่า “ อุทาหร…สำหรับเวลาเราโดนรถที่ขับมารยาทไม่ดีใส่แล้วโทรเข้าบริษัทมัน (แล้วมันจะมีไว้ทำเหี้ยไรว่ะ…ขับรถไม่สุภาพโปรดแจ้ง…02-818-7447) เรื่องมีอยู่ว่ารถบริษัทคันนี้ขับปาดซ้ายปาดขวาแล้วก็มาปาดรถของผมจนเกือบจะชน ผมจึงขับรถตามแล้วก็เอาเบอร์โทรของบริษัทมันโทรไปโวยวายพักหนึ่ง พออีกไม่นานเกิดเรื่องเลยครับ ”


วินาทีที่มีเสียงวัตถุมากระทบกับรถ
หลังจากคลิปดังกล่าวลงสู่โลกโซเชียล



หลังจากคุณ สุรเดช ได้เผยแพร่คลิปดังกล่าวลง Facebook ก็มีเพจต่างๆได้ทำการร่วมด้วยช่วยกันแชร์ ซึ่งเท่าที่ผมดูแล้ว ก็เกิดการประณามรถส่งของคันดังกล่าว จากผู้ใช้ Facebook จำนวนมาก แต่เพจไหนแชร์คงไม่สำคัญเท่า เพจของ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02 ครับ ซึ่งได้ทำการแชร์พร้อมกับข้อความที่หลายๆคนคงจะสนใจไม่น้อยก็คือ “ตำรวจจราจรทางด่วน กำลังไปลากตัวมาดำเนินคดีครับ”

เพื่อนๆที่ยังไม่ได้ชมคลิปดังกล่าว เชิญสดับรับชมได้ที่นี่เลยครับ



ซึ่งข้อความดังกล่าวจากเพจ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02 ก็คงเพียงพอและเป็นข้อสรุปได้เลยครับว่า เหตุการณ์นี้จะเป็นเช่นไรต่อไป พวกเราก็รอติดตามกันไปละกันครับ ว่าความเป็นจริงจะเป็นเช่นไร มีเหตุการณ์อะไรก่อนหน้านั้นหรือไม่ เมื่อตำรวจจราจรทางด่วน ทำการลากตัวมาได้ รับรองว่าได้รู้พร้อมกันทั่วประเทศครับ


สนใจ..รถยนต์มือสองคุณภาพ รถมือสองอุบล ศูนย์รวมรถมือสอง ตลาดรถมือสอง

"นึกถึงรถ  นึกถึงเรา"

ท่านสามารถเลือกดูและติดตามข่าวสารได้กับอุบลออโต้ .ได้ที่ http://www.ubonauto.com/ คลิ๊กที่นี่

และสามารถติดตามเฟสบุ๊ก ได้ที่
อุบลออโต้คลับ https://www.facebook.com/UbonAuto?ref=hl
พบ รถมือสอง คุณภาพเยี่ยมที่อุบลออโต้ 

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

การเติมลมยางถือว่าเป็นปัจจัยหลักในการดูแลรักษายางรถยนต์

การเติมลมยางถือว่าเป็นปัจจัยหลักในการดูแลรักษายางรถยนต์ ถ้าขาดการดูแลที่ดี จะเกิดผลเสียดังนี้



เติมลมน้อยเกินไป
ยางจะบวมล่อนได้ง่ายอายุการใช้งานลดลง ดอกยางสึกผิดปกติอาจจะสึกที่ขอบยางข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างสึกที่ไหล่ยาง
หรือสึกที่ปลายดอกมีความฝึดที่ผิวสัมผัสมากซึ่งจะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงกว่าปกติ

เติมสูบลมมากเกินไป
เมื่อได้รับแรงกระแทกจะระเบิดได้ง่าย อายุการใช้งานลดลง ดอกยางโดยเฉพาะกลางหน้ายางจะสึกมากถ่ายเทการสั่นสะเทือน หรือการ กระแทกขึ้นสู่ตัวรถได้มาก ขาดความนุ่มนวล

การเติมลมของยางล้อคู่
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเติมลมและรักษาระดับแรงดันลมในล้อคู่ให้เท่ากันตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นยางเส้นที่มีแรงดันมากจะรับน้ำหนักมาก ชำรุดเสียหายง่ายสึกหรอผิดปกติเส้นที่เติมลมน้อยจะรับน้ำหนักน้อยการสึกของยางจะไม่เรียบเสมอกัน หรือสึกอย่างผิดปกติ

- ไม่ควรปรับความดันลมยางในขณะยางร้อน เนื่องจากความร้อนทำให้อากาศขยายตัว

- ยางเรเดียลเส้นลวดต้องเติมลมมากกว่ายางผ้าใบธรรมดา

ความแตกต่างของแรงดันลมเพียง 1 ก.ก./ซ.ม.2 หรือ 14 ปอนด์/ตร.นิ้ว จะรับน้ำหนักต่างกันถึง 400 ก.ก. ถ้าแรงดันลมต่างกัน 2
ก.ก./ซ.ม.2 หรือ 28 ปอนด์/ตร.นิ้ว จะรับน้ำหนักต่างกันถึง 800 ก.ก. ในกรณีแรงดันลม ต่างกัน 2 ก.ก./ซ.ม.2 หรือ 28 ปอนด์/ตร.นิ้ว
ยางเส้นที่เติมลมมาก จะมีอายุใช้งานเพียง 70% เส้นที่ลมยางอ่อนจะมีอายุการใช้งานเหลือเพียง 45% การเติมลมให้เท่ากันจึงมี
ความจำเป็นอย่างยิ่ง

เพราะฉะนั้น จึงควรเติมลมให้พอดีตามเกณฑ์ที่โรงงานกำหนด หรือพิจารณาให้สอดคล้องกับสภาพการใช้งาน นอกจากต้องเติมลมให้ ถูกต้องแล้วจะต้องมีการตั้งศูนย์ล้อ ตั้งมุมของล้อหน้า ให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรฐานของรถยี่ห้อนั้นๆ อีกด้วย

การตรวจเช็คลมยางควรตรวจเช็คในขณะที่ยางยังเย็นอยู่ และเพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้องควรเติมลมยางให้ได้ตามมาตรฐานที่บริษัท
รถกำหนด

นอกจากนี้ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเก็บยางไว้นานๆ ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ยางสัมผัสกับความร้อน แสงแดด ลม ฝน ความชื้นน้ำมัน และสารเคมีต่างๆ หากสามารถปฏิบัติได้ตามนี้ อายุการใช้งานของยางก็จะยาวนานขึ้น